รายการบล็อกของฉัน

วันเสาร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2553

บันทึกการเดินทางกับการมองเห็นงานสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นผ่านการมองเห็นของผู้ปฏิบัติวิชาชีพสถาปัตยกรรม

บันทึกการเดินทางกับการมองเห็นงานสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นผ่านการมองเห็นของผู้ปฏิบัติวิชาชีพสถาปัตยกรรม

            โรงเรียนรุ่งอรุณ  อาศรมศิลป์ บ้านอาจารย์ทรงชัย สระบุรี  เป็นการเริ่มต้นของการเดินทางไปเก็บข้อมูลภาคสนามอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นสถานที่ศึกษาการรวบรวมเอา นวัตกรรมที่มีอยู่ในปัจจุบัน กับพื้นที่การใช้งาน   ศิลปะ ระบบโครงสร้าง  ที่เป็นแบบฉบับของคนไทยมาออกแบบและใช้งานในปัจจุบัน  ซึ่งเป็นการไปศึกษาเริ่มต้นก่อนการออกไปเก็บข้อมูลภาคสนามในวันที่ 24/7/53 ถึงวันที่ 1/8/53 
                โรงเรียนรุ่งอรุณเป็นที่แรกที่แวะเข้าไป สัมผัสถึงความร่มรื่น สอดแทรกอาคารเรียนเข้าไว้กับธรรมชาติ ที่ทำหน้าที่ได้อย่างสมดุล โดยไม่ต้องพึ่งพาเครื่องปรับอากาศ กับการออกแบบอาคารและภูมิทัศน์ที่มีความเป็นอยู่อย่างไทยที่เป็นงานpubric
                และตามต่อไปเยี่ยมชมอาศรมศิลป์ ที่เป็นอาคารไม้ มุงหลังคาด้วยแฝก ที่เป็นวัสดุธรรมชาติที่มีการออกแบบได้อย่างสวยงาม มีการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช้ร่วมกับระบบโครงสร้างและรูปแบบการใช้งานแบบไทย ที่เป็นพื้นที่การใช้งานที่เคยชิน  ห้องทำงานและห้องประชุมมีการใช้โครงสร้างพาดช่วงกว้างซึ่งต้องมีการใช้วัสดุและเทคโนโลยีมาช่วย
                10/7/53
                บ้านอาจารย์ทรงชัย  จังหวัดสระบุรี


               เป็นการทัศนศึกษาต่างจังหวัดครั้งสุดท้ายก่อนจะออกทริปอย่างเป็นทางการออกจากคณะตั้งแต่ 8.00 น. ไปถึงในเวลา 10.00น. ถึงบ้านอาจารย์ทรงชัย ทางเข้าเป็นซุ้มประตูผ่านสะพานข้ามน้ำที่ขุดเป็นสระน้ำโดยรอบของบ้านเข้าไปเจอพื้นที่ที่เป็นลานดินโล่งมีต้นไม้โดยรอบแต่ยังมีแดดส่องถึงเพื่อใช้ในการตากผ้าและอย่างอื่นได้ เข้าไปด้านหลังของบ้านมีบ้านอีกชุดหนึ่งที่สร้างให้เข้ากับน้ำและสภาวะแวดล้อมโดยรอบ


มีพื้นที่นั่งได้โดยรอบโดยใช้ส่วนที่เป็นพื้นยื่นออกมาของทางเดินโดยไม่ต้องใช้เฟอร์นิเจอร์  พอถึงเวลาพักกลางวันก็ข้ามฝั่งมายังศูนย์เรียนรู้ที่อยู่อีกฝังของถนน


 เป็นหมู่อาคารที่สร้างให้เข้ากับพื้นที่ที่เป็นตลิ่งของแม่น้ำป่าสัก มีใต้ถุนโล่งที่เชื่อมสเปสให้เป็นสเปสกว้างเข้าด้วยกัน มีอาหารต้อนรับเป็นก๋วยเตี๋ยวที่อร่อยมากๆและขนมโบราณ เข้าไปนั่งและใช้พื้นที่ต่างๆแล้ว รู้สึกว่ามีการจัดวางอาคารได้อย่างลงตัวตามภูมิปัญญา เชื่อมต่อได้อย่างไม่ติดขัดและใช้งานได้อย่างดี แต่ที่ชอบที่สุดคือถึงแม้ไม่มีเฟอร์นิเจอร์แต่ก็ยังมีพื้นที่รองรับคน80คนให้นั่งได้โดยไม่ต้องมีคนยืนเลย

                พอออกจากบ้านอาจารย์ก็มุ่งหน้าไปสู่ตลาดเก่าเสาไห้ เป็นตลาดเก่าที่ยังมีชีวิตดั้งเดิมอยู่บ้างไปรับประทานก๋วยเตี๋ยวเป็ด และเกี๊ยวทอด พร้อมกับถ่ายรูปตลาดในส่วนต่างๆ
                ทุกๆที่ที่ได้ไปก่อนการออกทริปจริงนั้นล้วนแล้วแต่เป็นการอุ่นเครื่องก่อนการออกทริป9วันที่จะนำเสนอต่อไปนี้



24/7/53
                ออกเดินทางจากคณะมายังอุทัยธานี  เข้าเมืองไปกินข้าวเที่ยง  กับข้าวมันไก่ที่อร่อยที่สุดในทริปต่อด้วยเป็ดพะโล้ พร้อมกับถ่ายรูปตลาดเก่าเมืองอุทัยฯ 


แล้วไปถ่ายรูปที่เรือนแพที่เป็นวิถีชีวิตดั้งเดิมของชาวอุทัยธานี  ที่มีการออกแบบลดทอนรายละเอียดของสถาปัตยกรรมไทยลงจากเดิม   และการอยู่อาศัยที่พึ่งพาสายน้ำของคนในท้องถิ่น


  พอถ่ายรูปพร้อมกับฟังบรรยายอาจารย์จิ๋วเสร็จก็ เดินทางสู่จังหวัดลำปาง

25/7/53
                ตื่นแต่เช้า มารับประทานอาหารเช้า ข้าวซอยแสนอร่อยหน้าที่พัก  แล้วก็มุ่งหน้านไปยังวัดไหล่หิน
วัดไหล่หินหลวง


  เป็นวัดที่มองจากทางเข้าดูแล้ว เหมือนเป็นวัดที่มีขนาดใหญ่โตมากด้วยการ  หลอกสเกล  จากการวางกลุ่มอาคารอยู่บนเนิน  แล้วพอเดินเข้าไปใกล้เรื่อยๆแล้ววัด จะดูเล็กลง เหมือนย่อสเกลลง มีกำแพงที่อยู่ในระดับสายตาประตูทางเข้าแทบจะต้องก้มหัวลงเพื่อเข้าไปสู่บริเวณตัวอาคาร เข้าไปดูงานศิลปะที่มีความเป็นลักษณะงานทางด้านล้านนา มีลานทราย ที่เป็นสเปสแบบไทยและเส้นนำสายตาที่ชัดเจน   พอดูวัดไหล่หินเสร็จก็ไปต่อที่พระธาตุลำปางหลวง
พระธาตุลำปางหลวง


 เป็นวัดที่มีพื้นที่รอบวัดที่ยังคง ความเป็นไทยไว้มากที่สุด มีการตั้งอาคารไว้บนเนินสูงให้วัดนั้นเหมาะสำหรับเป็นวัดหลวงอย่างแท้จริงพอเดินเข้าไปในหมู่อาคารทางด้านทางเข้ารอง การวางตัวของอาคารแต่ละหลังมีการกำหนดให้เดินอย่างชัดเจนให้ถ่ายสายตาจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งอย่างชัดเจนโดยไม่ต้องเขียนป้ายติด ระบบโครงสร้างเป็นโครงสร้างของล้านนามีการกำหนดมุมมองของภายในสู่ภายนอกได้อย่างงดงาม  พอดูเสร็จก็ไปต่อที่วัดปงยางคก


  เป็นวัดของเจ้าของเจ้าทางภาคเหนือ  มีโบสถ์เก่าอยู่ หนึ่งหลัง  เป็นโบสถ์ที่ยังคงสภาพที่สวยที่สุด  มีการลดทอนของสเปซที่สวยงามกับลานหินกรวดที่ยังคงเหลืออยู่  กับต้นโพธิ์โบราณที่มีความเชื่อกับการค้ำกิ่งของต้นโพธิ์ 
           
 แล้วไปต่อที่บ้านของชาวบ้านที่สวยงามอีก 2 ที่แล้วกลับที่พัก
26/7/53
                วัดพระแก้วดอนเต้า


  เป็นวัดที่ต้องเข้าทางด้านข้างโดยมีอาคารบังคับให้มุ่งเข้าสู่พลาซ่าด้านหน้าของวิหาร  แล้วต้องขึ้นบันไดเข้าด้านข้างของโบสถ์โดยมีทางบังคับไป  ด้านหน้าเป็นโบสถ์ที่ไม่มีฝ้าปิดเพดาน  ซึ่งยังคงรักษาสภาพเดิมของการใชว์โครงสร้างที่วิจิตรพิศดาร   แล้วเราเดินทางไปที่วัดข่วงกอม
ที่เป็นการเล่นวัสดุก่อสร้างอย่างที่ไม่ต้องทาสี แล้วออกไปดูหมู่บ้านที่อยู่รอบด้าน  
ไปดูการสร้างระบบชลประทานและการวางผังตัวอาคารบ้านเรือนกับทุ่งนาและระบบนิเวศน์รอบด้าน
  บ้านมีการสร้างได้อย่างเป็นแบบราชการ   แล้วดูอาคารบ้านเรือนเสร็จก็ไปแช่น้ำแร่  น้ำพุร้อนกัน
27/7/53
                วัดปงสนุก
  เป็นวัดที่มีการบูรณะที่ได้รับรางวัลจากยูเนสโก   ว่าเป็นการบูรณะที่สมบูรณ์และเหมือนเดิมมากที่สุด  เป็นวัดที่มีลักษณะของล้านนา  มีนาคตรงบันได  มณฑปคล้ายพระธาตุลำปางหลวง 
 ต่อด้วยวัดศรีรองเมือง  เป็นวัดที่กำลังมีการปรับปรุง  วัดนี้เป็นวัดของชาวพม่าที่เข้ามาทำงานกับชาวอังกฤษแล้วมาสร้างวัดไว้  เป็นรูปแบบของพม่าที่มีหลังคาซ้อนกันหลายชั้นเพื่อแสดงถึงเป็นที่ที่เหนือกว่าบ้านของชาวบ้านทั่วๆไป  ภายในมีการประดับตกแต่งด้วยกระจกอย่างสวยงามเนื่องด้วยมีหลังคาหลายชั้น  ทำให้อาคารมีความเย็นมาก  สร้างด้วยไม้    แล้วต่อด้วยบ้านคนในช่วงบ่ายเป็นบ้านที่เมื่อก่อนเคยมุงด้วยแฝก  แล้วเปลี่ยนแปลงจนกลายเป็นวัสดุที่มีความทนทานขึ้น  แต่ยังเป็นระเบียบการออกแบบแบบเดิม


28/7/53
                เช้าวันที่สุโขทัย
   สุโขทัย  เป็นเมืองที่น้ำท่วมจึงเป็นเมืองที่เน้นที่ระบบชลประทานขุดคูเมืองให้มีน้ำใต้ดิน  มีท่อดินเผาต่อจากเขื่อน  น้ำไม่มีแล้ง  มาดูผังเมืองและการจัดวางผัง  แนวแกนเมือง  และงานสถาปัตยกรรมที่เป็นโครงการpubric 
                วัดมังกร 
 สันนิฐานว่าเป็นวัดป่า  มีกรอบกำแพงแก้ว  เจดีย์เป็นทรงลังกา  มีการรวมนิกาย  2 นิกายเข้าด้วยกัน  ด้วยการใส่ใบเสมา 2 ใบ เข้าไว้ด้วยกันเป็นใบเสมาคู่  ใช้เสาศิลาแลง  ล้อเลียนเสาไม้  ขุดบ่อน้ำรอบ  กำแพงเซรามิค เป็นกำแพงแก้ว  ต่อด้วยวิหารวัดมหาธาตุ  

เจดีย์ประธาน เป็นทรงพุ่มข้าวบิณ  แบบสุโขทัยโดยเฉพาะ  และรอบด้านเป็นแบบต่างๆ แสดงว่าเป็นจุดศูนย์กลางในการรวมลักษณะเฉพาะในแต่ละท้องที่เข้าด้วยกัน 2 ด้านประกอบด้วยพระยืน
  เมื่อก่อนประเทศไทยมีหลายแคว้นจนอยุธยา แกร่งขึ้น  จึงไล่ต้อนผู้คนเข้าเมืองอยุธยาเลยปล่อยให้สุโขทัยเป็นเมืองล้าง
                วิธีการนำไปใช้คือ  การนำเอาการเรียงอีฐ  การย่อมุม  ตำแหน่งที่ตั้ง  เส้นนำสายตา  และการเบรคแล้วหันไปทิศใดทิศหนึ่ง
                การเก็บข้อมูลคือการถ่ายองค์รวมแล้วถ่ายมุมคัดสัน
ให้อาคารสัมพันธ์กับเส้นนอนของพื้นโลก
ช่วงบ่ายเป็นวัดพระพายหลวง
  เป็นวัดที่มีศิลปะแบบขอม  ใช้ศิลาแลงในการสร้าง  ปรับใช้ให้เป็นสวนสาธารณะได้  ระเบียบของการเรียงศิลาแลง 

วัดศรีชม 
 เป็นวัดที่มีการสร้างพื้นที่ว่างให้ดูแคบ แล้วภาพที่มองเห็นด้านหน้าในระยะกระชั้นชิดนั้นเกิดภาพที่ใหญ่โตและดูศักดิ์สิทธิ์   มีต้นมะม่วงด้านนอกที่ใหญ่มากอายุราวๆร้อยปี
วัดศรีสวาย
  เป็นวัดที่นำเอาระนาบมาใช้ในทางโมเดิร์นได้มีการเล่นช่องเปิด  ที่สวยงาม  ชนิดของวัสดุที่มีความแตกต่างกัน
29/7/53
เช้าวันนี้เดินทางไปอุตรดิตถ์  กับบ้านชาวพื้นเมืองแท้ๆ
  แล้วมาพักเที่ยงที่วัดดอนสักเข้าไปถวายหลอดไฟ พร้อมกับชมศาลาที่มีโครงสร้างวายสแปนแล้วออกมาดูโบสถ์ที่มีความสวยงาม  ที่มีโครงสร้างแบบอยุธยา  การประดับตกแต่งแบบสุโขทัย  แล้วออกจากวัดมาดูหมู่บ้าน
  ที่มีลักษณะแบบลับแลที่มีการสร้างเส้นนอนประกอบกับเส้นตั้ง ของต้นหมาก 
 ต่อด้วยวัดทองลับแล  
 มาดูหอไตรที่อยู่กลางน้ำ  มีการยื่นพื้นออกจากเสาแต่ไม่ยื่นคาน 


 แล้วมาดูการเล่น ฟาสาทของบ้านที่มีการเล่น ฟาสาทของแต่ละฟังก์ชั่น


30/7/53
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุราชวรวิหาร 
 เป็นเมืองพี่เมืองน้องกับสุโขทัย  มาดูพระปราง  กำแพงนำเอาศิลาแลงมาทั้งท่อน  

หลังคาเป็นทรงลานนา  ช่องเปิดเป็นช่องตั้ง  วางกำหนดขอบเขตการวางเส้นแกนเป็นสมมาตรมาก  ต่อด้วยวัดโคกสิงคาราม  มาดูการสร้างผนังที่นำมาจากผนังบ้านเป็นระเบียงเดียวกัน
วัดกุฏีราย

เป็นวัดรูปแบบแบบกำแพงเพชร มีสัดส่วนการมุงกระเบื้องและทรวดทรงอาคารแบบสุโขทัยนำการเรียงไม้มาเรียงอิฐ   

 ต่อด้วยอาคารอนุรักษ์กลุ่มเตาสังคโลก 
 เป็นการนำสเปซ ใต้ถุนบ้านของบ้านไทยนำภาพด้านนอกมาใช้ด้านในอาคาร  กับการดึงภาพบริบทโดยรอบของที่ตั้งเข้ามาใช้ในอาคารเปรียบเสมือนกรอบรูป
บ้านชาวบ้านที่อยู่รอบๆมีการใช้งานของพื้นที่ได้สวยมาก

วัดเก้ายอด
  สร้างอยู่บนเนินเขา   ดูการแก้ปัญหาการสร้างอาคารบนเนิน การเล่นสเต็ปและทอดถึงกัน 
 ต่อมาดูการจัดวางผังเมืองศรีสัจชนาลัย
  ดูการเลือกชัยภูมิ  ปิดล้อมด้วยน้ำและแนวภูเขาที่เป็นวัดเขาใหญ่เอาไว้ดูข้าศึก

31/7/53
บ้านอาจารย์ตี๋ 
 มาดูบ้านที่เป็นตลาดที่เป็นหลังคาฮิป 
 ดูด้านหน้าเหมือนบ้านจะสั้น  พอเข้ามาในบ้าน  บ้านลึกแล้วมีการแบ่งพื้นที่โดยการกั้นเฟอร์นิเจอร์แบบเป็นสัดส่วน  พอมาดูด้านหลังเป็นการจัดสวนที่สวยงาม  
มีการตัดแต่งอย่างเนี้ยบ เป็นสัดส่วนสวยงาม
ช่วงบ่ายมาที่สนามบินสุโขทัย
มาดูการออกแบบที่มีการประยุกต์ใช้ความเข้าใจทางสถาปัตยกรรมและระบบระเบียบโครงสร้างแบบสุโขทัยแต่วัสดุสมัยใหม่  เทคโนโลยีสมัยใหม่  ดังนั้นเราต้องศึกษาวัสดุโครงสร้าง  ทางสัญจร ในรูปแบบสมัยใหม่  แต่ยังคงรูปแบบความเป็นไทย
โรงแรมสนามบินสุโขทัย
แล้วออกมาเก็บข้อมูลซ้ำกับบ้านชาวบ้านอีกรอบ

1/8/53
วัดพระศรีมหาธาตุ

 วัดพระพุทธชินราช  


มาสรุปการเก็บข้อมูลตั้งแต่ที่เริ่มเก็บมา  มาสรุปเป็นวัดที่ยังใช้งานอยู่ในปัจจุบัน  ว่าสรุปแล้วการวางผังที่ยังมีชีวิตอยู่ กับการใช้งานที่มีอยู่
นั้นเป็นเช่นไร


              สรุปทริป9วันนั้นเป็นการเก็บข้อมูลเพื่อนำมาใช้ในการศึกษาการอยู่อาศัย การใช้งานของสิ่งก่อสร้างต่างๆ  ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนั้นล้วนแล้วแต่มีการคำนึงถึงการใช้งานของคน  วิถีชีวิตของคนในท้องถิ่นนั้นๆเป็นเช่นไร  รูปแบบศิลปะของท้องถิ่นนั้นๆเป็นเช่นไร  และนำสิ่งเหล่านั้นที่มีมากมาย  นำมาสรุป และออกแบบให้เข้ากับสิ่งต่างๆที่เป็นตัวตนของท้องถิ่นนั้นๆแม้จะทำสื่อออกมาโดยตรงไม่ได้  ก็ต้องพยายามสอดแทรกเข้าไปในงานออกแบบให้ได้  ให้คนตั้งแต่ระดับชุมชนไปจนถึงในระดับประเทศได้เห็นคุณค่าของตัวตนที่แท้จริงให้ได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น