บันทึกการเดินทางกับการมองเห็นงานสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นผ่านการมองเห็นของผู้ปฏิบัติวิชาชีพสถาปัตยกรรม
โรงเรียนรุ่งอรุณ อาศรมศิลป์ บ้านอาจารย์ทรงชัย สระบุรี เป็นการเริ่มต้นของการเดินทางไปเก็บข้อมูลภาคสนามอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นสถานที่ศึกษาการรวบรวมเอา นวัตกรรมที่มีอยู่ในปัจจุบัน กับพื้นที่การใช้งาน ศิลปะ ระบบโครงสร้าง ที่เป็นแบบฉบับของคนไทยมาออกแบบและใช้งานในปัจจุบัน ซึ่งเป็นการไปศึกษาเริ่มต้นก่อนการออกไปเก็บข้อมูลภาคสนามในวันที่ 24/7/53 ถึงวันที่ 1/8/53
โรงเรียนรุ่งอรุณเป็นที่แรกที่แวะเข้าไป สัมผัสถึงความร่มรื่น สอดแทรกอาคารเรียนเข้าไว้กับธรรมชาติ ที่ทำหน้าที่ได้อย่างสมดุล โดยไม่ต้องพึ่งพาเครื่องปรับอากาศ กับการออกแบบอาคารและภูมิทัศน์ที่มีความเป็นอยู่อย่างไทยที่เป็นงานpubric
และตามต่อไปเยี่ยมชมอาศรมศิลป์ ที่เป็นอาคารไม้ มุงหลังคาด้วยแฝก ที่เป็นวัสดุธรรมชาติที่มีการออกแบบได้อย่างสวยงาม มีการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช้ร่วมกับระบบโครงสร้างและรูปแบบการใช้งานแบบไทย ที่เป็นพื้นที่การใช้งานที่เคยชิน ห้องทำงานและห้องประชุมมีการใช้โครงสร้างพาดช่วงกว้างซึ่งต้องมีการใช้วัสดุและเทคโนโลยีมาช่วย
10/7/53
บ้านอาจารย์ทรงชัย จังหวัดสระบุรี
เป็นการทัศนศึกษาต่างจังหวัดครั้งสุดท้ายก่อนจะออกทริปอย่างเป็นทางการออกจากคณะตั้งแต่ 8.00 น. ไปถึงในเวลา 10.00น. ถึงบ้านอาจารย์ทรงชัย ทางเข้าเป็นซุ้มประตูผ่านสะพานข้ามน้ำที่ขุดเป็นสระน้ำโดยรอบของบ้านเข้าไปเจอพื้นที่ที่เป็นลานดินโล่งมีต้นไม้โดยรอบแต่ยังมีแดดส่องถึงเพื่อใช้ในการตากผ้าและอย่างอื่นได้ เข้าไปด้านหลังของบ้านมีบ้านอีกชุดหนึ่งที่สร้างให้เข้ากับน้ำและสภาวะแวดล้อมโดยรอบ
มีพื้นที่นั่งได้โดยรอบโดยใช้ส่วนที่เป็นพื้นยื่นออกมาของทางเดินโดยไม่ต้องใช้เฟอร์นิเจอร์ พอถึงเวลาพักกลางวันก็ข้ามฝั่งมายังศูนย์เรียนรู้ที่อยู่อีกฝังของถนน
เป็นหมู่อาคารที่สร้างให้เข้ากับพื้นที่ที่เป็นตลิ่งของแม่น้ำป่าสัก มีใต้ถุนโล่งที่เชื่อมสเปสให้เป็นสเปสกว้างเข้าด้วยกัน มีอาหารต้อนรับเป็นก๋วยเตี๋ยวที่อร่อยมากๆและขนมโบราณ เข้าไปนั่งและใช้พื้นที่ต่างๆแล้ว รู้สึกว่ามีการจัดวางอาคารได้อย่างลงตัวตามภูมิปัญญา เชื่อมต่อได้อย่างไม่ติดขัดและใช้งานได้อย่างดี แต่ที่ชอบที่สุดคือถึงแม้ไม่มีเฟอร์นิเจอร์แต่ก็ยังมีพื้นที่รองรับคน80คนให้นั่งได้โดยไม่ต้องมีคนยืนเลย
พอออกจากบ้านอาจารย์ก็มุ่งหน้าไปสู่ตลาดเก่าเสาไห้ เป็นตลาดเก่าที่ยังมีชีวิตดั้งเดิมอยู่บ้างไปรับประทานก๋วยเตี๋ยวเป็ด และเกี๊ยวทอด พร้อมกับถ่ายรูปตลาดในส่วนต่างๆ
ทุกๆที่ที่ได้ไปก่อนการออกทริปจริงนั้นล้วนแล้วแต่เป็นการอุ่นเครื่องก่อนการออกทริป9วันที่จะนำเสนอต่อไปนี้
24/7/53
ออกเดินทางจากคณะมายังอุทัยธานี เข้าเมืองไปกินข้าวเที่ยง กับข้าวมันไก่ที่อร่อยที่สุดในทริปต่อด้วยเป็ดพะโล้ พร้อมกับถ่ายรูปตลาดเก่าเมืองอุทัยฯ
แล้วไปถ่ายรูปที่เรือนแพที่เป็นวิถีชีวิตดั้งเดิมของชาวอุทัยธานี ที่มีการออกแบบลดทอนรายละเอียดของสถาปัตยกรรมไทยลงจากเดิม และการอยู่อาศัยที่พึ่งพาสายน้ำของคนในท้องถิ่น
พอถ่ายรูปพร้อมกับฟังบรรยายอาจารย์จิ๋วเสร็จก็ เดินทางสู่จังหวัดลำปาง
25/7/53
ตื่นแต่เช้า มารับประทานอาหารเช้า ข้าวซอยแสนอร่อยหน้าที่พัก แล้วก็มุ่งหน้านไปยังวัดไหล่หิน
 |
| วัดไหล่หินหลวง |
เป็นวัดที่มองจากทางเข้าดูแล้ว เหมือนเป็นวัดที่มีขนาดใหญ่โตมากด้วยการ หลอกสเกล จากการวางกลุ่มอาคารอยู่บนเนิน แล้วพอเดินเข้าไปใกล้เรื่อยๆแล้ววัด จะดูเล็กลง เหมือนย่อสเกลลง มีกำแพงที่อยู่ในระดับสายตาประตูทางเข้าแทบจะต้องก้มหัวลงเพื่อเข้าไปสู่บริเวณตัวอาคาร เข้าไปดูงานศิลปะที่มีความเป็นลักษณะงานทางด้านล้านนา มีลานทราย ที่เป็นสเปสแบบไทยและเส้นนำสายตาที่ชัดเจน พอดูวัดไหล่หินเสร็จก็ไปต่อที่พระธาตุลำปางหลวง
 |
| พระธาตุลำปางหลวง |
เป็นวัดที่มีพื้นที่รอบวัดที่ยังคง ความเป็นไทยไว้มากที่สุด มีการตั้งอาคารไว้บนเนินสูงให้วัดนั้นเหมาะสำหรับเป็นวัดหลวงอย่างแท้จริงพอเดินเข้าไปในหมู่อาคารทางด้านทางเข้ารอง การวางตัวของอาคารแต่ละหลังมีการกำหนดให้เดินอย่างชัดเจนให้ถ่ายสายตาจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งอย่างชัดเจนโดยไม่ต้องเขียนป้ายติด ระบบโครงสร้างเป็นโครงสร้างของล้านนามีการกำหนดมุมมองของภายในสู่ภายนอกได้อย่างงดงาม พอดูเสร็จก็ไปต่อที่วัดปงยางคก
เป็นวัดของเจ้าของเจ้าทางภาคเหนือ มีโบสถ์เก่าอยู่ หนึ่งหลัง เป็นโบสถ์ที่ยังคงสภาพที่สวยที่สุด มีการลดทอนของสเปซที่สวยงามกับลานหินกรวดที่ยังคงเหลืออยู่ กับต้นโพธิ์โบราณที่มีความเชื่อกับการค้ำกิ่งของต้นโพธิ์
แล้วไปต่อที่บ้านของชาวบ้านที่สวยงามอีก 2 ที่แล้วกลับที่พัก 26/7/53
วัดพระแก้วดอนเต้า
เป็นวัดที่ต้องเข้าทางด้านข้างโดยมีอาคารบังคับให้มุ่งเข้าสู่พลาซ่าด้านหน้าของวิหาร แล้วต้องขึ้นบันไดเข้าด้านข้างของโบสถ์โดยมีทางบังคับไป ด้านหน้าเป็นโบสถ์ที่ไม่มีฝ้าปิดเพดาน ซึ่งยังคงรักษาสภาพเดิมของการใชว์โครงสร้างที่วิจิตรพิศดาร แล้วเราเดินทางไปที่วัดข่วงกอม
ที่เป็นการเล่นวัสดุก่อสร้างอย่างที่ไม่ต้องทาสี แล้วออกไปดูหมู่บ้านที่อยู่รอบด้าน
ไปดูการสร้างระบบชลประทานและการวางผังตัวอาคารบ้านเรือนกับทุ่งนาและระบบนิเวศน์รอบด้าน
บ้านมีการสร้างได้อย่างเป็นแบบราชการ แล้วดูอาคารบ้านเรือนเสร็จก็ไปแช่น้ำแร่ น้ำพุร้อนกัน 27/7/53
วัดปงสนุก
เป็นวัดที่มีการบูรณะที่ได้รับรางวัลจากยูเนสโก ว่าเป็นการบูรณะที่สมบูรณ์และเหมือนเดิมมากที่สุด เป็นวัดที่มีลักษณะของล้านนา มีนาคตรงบันได มณฑปคล้ายพระธาตุลำปางหลวง
ต่อด้วยวัดศรีรองเมือง เป็นวัดที่กำลังมีการปรับปรุง วัดนี้เป็นวัดของชาวพม่าที่เข้ามาทำงานกับชาวอังกฤษแล้วมาสร้างวัดไว้ เป็นรูปแบบของพม่าที่มีหลังคาซ้อนกันหลายชั้นเพื่อแสดงถึงเป็นที่ที่เหนือกว่าบ้านของชาวบ้านทั่วๆไป ภายในมีการประดับตกแต่งด้วยกระจกอย่างสวยงามเนื่องด้วยมีหลังคาหลายชั้น ทำให้อาคารมีความเย็นมาก สร้างด้วยไม้ แล้วต่อด้วยบ้านคนในช่วงบ่ายเป็นบ้านที่เมื่อก่อนเคยมุงด้วยแฝก แล้วเปลี่ยนแปลงจนกลายเป็นวัสดุที่มีความทนทานขึ้น แต่ยังเป็นระเบียบการออกแบบแบบเดิม
28/7/53
เช้าวันที่สุโขทัย
สุโขทัย เป็นเมืองที่น้ำท่วมจึงเป็นเมืองที่เน้นที่ระบบชลประทานขุดคูเมืองให้มีน้ำใต้ดิน มีท่อดินเผาต่อจากเขื่อน น้ำไม่มีแล้ง มาดูผังเมืองและการจัดวางผัง แนวแกนเมือง และงานสถาปัตยกรรมที่เป็นโครงการpubric วัดมังกร
สันนิฐานว่าเป็นวัดป่า มีกรอบกำแพงแก้ว เจดีย์เป็นทรงลังกา มีการรวมนิกาย 2 นิกายเข้าด้วยกัน ด้วยการใส่ใบเสมา 2 ใบ เข้าไว้ด้วยกันเป็นใบเสมาคู่ ใช้เสาศิลาแลง ล้อเลียนเสาไม้ ขุดบ่อน้ำรอบ กำแพงเซรามิค เป็นกำแพงแก้ว ต่อด้วยวิหารวัดมหาธาตุ
เจดีย์ประธาน เป็นทรงพุ่มข้าวบิณ แบบสุโขทัยโดยเฉพาะ และรอบด้านเป็นแบบต่างๆ แสดงว่าเป็นจุดศูนย์กลางในการรวมลักษณะเฉพาะในแต่ละท้องที่เข้าด้วยกัน 2 ด้านประกอบด้วยพระยืน
เมื่อก่อนประเทศไทยมีหลายแคว้นจนอยุธยา แกร่งขึ้น จึงไล่ต้อนผู้คนเข้าเมืองอยุธยาเลยปล่อยให้สุโขทัยเป็นเมืองล้าง วิธีการนำไปใช้คือ การนำเอาการเรียงอีฐ การย่อมุม ตำแหน่งที่ตั้ง เส้นนำสายตา และการเบรคแล้วหันไปทิศใดทิศหนึ่ง
การเก็บข้อมูลคือการถ่ายองค์รวมแล้วถ่ายมุมคัดสัน
ให้อาคารสัมพันธ์กับเส้นนอนของพื้นโลก
ช่วงบ่ายเป็นวัดพระพายหลวง
เป็นวัดที่มีศิลปะแบบขอม ใช้ศิลาแลงในการสร้าง ปรับใช้ให้เป็นสวนสาธารณะได้ ระเบียบของการเรียงศิลาแลง
วัดศรีชม
เป็นวัดที่มีการสร้างพื้นที่ว่างให้ดูแคบ แล้วภาพที่มองเห็นด้านหน้าในระยะกระชั้นชิดนั้นเกิดภาพที่ใหญ่โตและดูศักดิ์สิทธิ์ มีต้นมะม่วงด้านนอกที่ใหญ่มากอายุราวๆร้อยปี วัดศรีสวาย
เป็นวัดที่นำเอาระนาบมาใช้ในทางโมเดิร์นได้มีการเล่นช่องเปิด ที่สวยงาม ชนิดของวัสดุที่มีความแตกต่างกัน 29/7/53
เช้าวันนี้เดินทางไปอุตรดิตถ์ กับบ้านชาวพื้นเมืองแท้ๆ
แล้วมาพักเที่ยงที่วัดดอนสักเข้าไปถวายหลอดไฟ พร้อมกับชมศาลาที่มีโครงสร้างวายสแปนแล้วออกมาดูโบสถ์ที่มีความสวยงาม ที่มีโครงสร้างแบบอยุธยา การประดับตกแต่งแบบสุโขทัย แล้วออกจากวัดมาดูหมู่บ้าน
ที่มีลักษณะแบบลับแลที่มีการสร้างเส้นนอนประกอบกับเส้นตั้ง ของต้นหมาก
ต่อด้วยวัดทองลับแล
มาดูหอไตรที่อยู่กลางน้ำ มีการยื่นพื้นออกจากเสาแต่ไม่ยื่นคาน
แล้วมาดูการเล่น ฟาสาทของบ้านที่มีการเล่น ฟาสาทของแต่ละฟังก์ชั่น
30/7/53
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุราชวรวิหาร
เป็นเมืองพี่เมืองน้องกับสุโขทัย มาดูพระปราง กำแพงนำเอาศิลาแลงมาทั้งท่อน
หลังคาเป็นทรงลานนา ช่องเปิดเป็นช่องตั้ง วางกำหนดขอบเขตการวางเส้นแกนเป็นสมมาตรมาก ต่อด้วยวัดโคกสิงคาราม มาดูการสร้างผนังที่นำมาจากผนังบ้านเป็นระเบียงเดียวกัน
เป็นวัดรูปแบบแบบกำแพงเพชร มีสัดส่วนการมุงกระเบื้องและทรวดทรงอาคารแบบสุโขทัยนำการเรียงไม้มาเรียงอิฐ
ต่อด้วยอาคารอนุรักษ์กลุ่มเตาสังคโลก
เป็นการนำสเปซ ใต้ถุนบ้านของบ้านไทยนำภาพด้านนอกมาใช้ด้านในอาคาร กับการดึงภาพบริบทโดยรอบของที่ตั้งเข้ามาใช้ในอาคารเปรียบเสมือนกรอบรูป
 |
บ้านชาวบ้านที่อยู่รอบๆมีการใช้งานของพื้นที่ได้สวยมาก
|
วัดเก้ายอด
สร้างอยู่บนเนินเขา ดูการแก้ปัญหาการสร้างอาคารบนเนิน การเล่นสเต็ปและทอดถึงกัน
ต่อมาดูการจัดวางผังเมืองศรีสัจชนาลัย
ดูการเลือกชัยภูมิ ปิดล้อมด้วยน้ำและแนวภูเขาที่เป็นวัดเขาใหญ่เอาไว้ดูข้าศึก
31/7/53
บ้านอาจารย์ตี๋
มาดูบ้านที่เป็นตลาดที่เป็นหลังคาฮิป
ดูด้านหน้าเหมือนบ้านจะสั้น พอเข้ามาในบ้าน บ้านลึกแล้วมีการแบ่งพื้นที่โดยการกั้นเฟอร์นิเจอร์แบบเป็นสัดส่วน พอมาดูด้านหลังเป็นการจัดสวนที่สวยงาม
มีการตัดแต่งอย่างเนี้ยบ เป็นสัดส่วนสวยงาม ช่วงบ่ายมาที่สนามบินสุโขทัย
มาดูการออกแบบที่มีการประยุกต์ใช้ความเข้าใจทางสถาปัตยกรรมและระบบระเบียบโครงสร้างแบบสุโขทัยแต่วัสดุสมัยใหม่ เทคโนโลยีสมัยใหม่ ดังนั้นเราต้องศึกษาวัสดุโครงสร้าง ทางสัญจร ในรูปแบบสมัยใหม่ แต่ยังคงรูปแบบความเป็นไทย
 |
| โรงแรมสนามบินสุโขทัย |
แล้วออกมาเก็บข้อมูลซ้ำกับบ้านชาวบ้านอีกรอบ
1/8/53
วัดพระศรีมหาธาตุ
วัดพระพุทธชินราช
มาสรุปการเก็บข้อมูลตั้งแต่ที่เริ่มเก็บมา มาสรุปเป็นวัดที่ยังใช้งานอยู่ในปัจจุบัน ว่าสรุปแล้วการวางผังที่ยังมีชีวิตอยู่ กับการใช้งานที่มีอยู่
นั้นเป็นเช่นไร
สรุปทริป9วันนั้นเป็นการเก็บข้อมูลเพื่อนำมาใช้ในการศึกษาการอยู่อาศัย การใช้งานของสิ่งก่อสร้างต่างๆ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนั้นล้วนแล้วแต่มีการคำนึงถึงการใช้งานของคน วิถีชีวิตของคนในท้องถิ่นนั้นๆเป็นเช่นไร รูปแบบศิลปะของท้องถิ่นนั้นๆเป็นเช่นไร และนำสิ่งเหล่านั้นที่มีมากมาย นำมาสรุป และออกแบบให้เข้ากับสิ่งต่างๆที่เป็นตัวตนของท้องถิ่นนั้นๆแม้จะทำสื่อออกมาโดยตรงไม่ได้ ก็ต้องพยายามสอดแทรกเข้าไปในงานออกแบบให้ได้ ให้คนตั้งแต่ระดับชุมชนไปจนถึงในระดับประเทศได้เห็นคุณค่าของตัวตนที่แท้จริงให้ได้